สาส์นจากคณะกรรมการบริษัท

พัฒนานวัตกรรมและส่งมอบ ประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม

คณะกรรมการบริษัท

บริษัท อิงเกรส อินดัสเตรียล (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)

เรียน ท่านผู้ถือหุ้น

นับตั้งแต่ ปี 2565 เป็นต้นมา มีสัญญาณบ่งชี้ให้เห็นถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก หากแต่ว่าสัญญาณดังกล่าวยังคงสร้างความท้าทายให้กับบริษัท อิงเกรส อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) อย่างไรก็ตาม บริษัทแสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความโดดเด่นอย่างยืดหยุ่น คล่องตัวทางธุรกิจ และ มุ่งมั่นสู่ความสำเร็จด้วยความอุตสาหะในการเอาชนะอุปสรรคหลายประการ เพื่อสานต่อภารกิจในการขับเคลื่อนการเจริญ เติบโตทางเศรษฐกิจ

ภายหลังจากทั่วโลกสามารถเอาชนะการแพร่ระบาดไวรัส COVID-19 แต่ยังคงต้องเผชิญหน้ากับปัญหาที่ซับซ้อนจากการขาดแคลนอุปกรณ์สารกึ่งตัวนำ หรือ เซมิคอนดักเตอร์ (Semi-conductor) อย่างต่อเนื่อง ซึ่งนำไปสู่ภาวะการหยุดชะงักในกระบวนการจัดการการผลิตของผู้ผลิตยานยนต์ เพื่อทำให้เกิดสินค้าหรือบริการ ทั้งด้านการจัดหาวัตถุดิบ บริหารการผลิต การจัดเก็บสินค้า รวมไปถึงกระบวนการจัดส่งสู่มือของลูกค้าเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบถ้วนและทั่วถึง (ห่วงโซ่อุปทาน) ซึ่งส่งผลกระทบไปยังผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกจํานวนมาก ทําให้ต้องลดขนาดและปริมาณการผลิตยานยนต์ซึ่งลดลงเกือบ 20% จากที่คาดการณ์ไว้

ในขณะเดียวกัน สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ทำให้ต้นทุนการผลิตทยานสูงขึ้น มีสาเหตุมาจากอัตราเงินเฟ้อทั่วโลกที่พุ่งสูงขึ้น ดังนั้น ผู้บริโภคจึงเริ่มตระหนักถึงภาระค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น โดยเฉพาะสินค้าที่ไม่จําเป็น เช่น รถยนต์ เป็นต้น

โดยปัจจัยที่กล่าวข้างต้น นำมาสู่การเปลี่ยนแปลงภาพรวมของเศรษฐกิจโลกในปี 2565 โดยเฉพาะการเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ แม้ว่าปริมาณความต้องการยานยนต์จะยังไม่กลับเข้าสู่สถานะการณ์ระดับปกติก่อนการแพร่ระบาดไวรัส COVID-19 ทั้งนี้ บริษัทและผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์รายอื่น ๆ ในระดับภูมิภาค ต่างมีทัศ

เช่นเดียวกับองค์กรอื่น ๆ บริษัทตระหนักถึงความสำคัญของการนํากลยุทธ์การจัดการที่มีความคล่องตัวและความแข็งแกร่งเป็นแนวทางการจัดการในสถานะการณ์โดยรวมทางเศรษฐกิจ สังคมการเมือง และเทคโนโลยี ที่มีความซับซ้อนและยุ่งยาก บริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่คาดหวังไว้ ขณะเดียวกัน บริษัทยังคงรักษาผลประโยชน์สูงสุดของผู้มีส่วนได้เสียทั้งหมด รวมถึงพนักงาน ลูกค้า (OEMs) คู่ค้า (Supplier) และสังคมผู้บริโภคของภาคอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น

ประเทศที่บริษัทเข้าไปประกอบธุรกิจในปัจจุบัน โดยภาพรวมแสดงถึงแนวโน้มทางธุรกิจเชิงบวก เห็นได้จากปริมาณความต้องการรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในประเทศไทย ในขณะที่ประเทศอินโดนีเซียและอินเดีย มีโอกาสในภายภาคหน้าจะกลายเป็นแหล่งวัตถุดิบหลักของโลกในการผลิตเซลล์แบตเตอรี่ มีความเป็นไปได้อย่างสูงที่จะสามารถแข่งขันกับประเทศจีนที่ครองตลาดการแข่งขันอยู่ในปัจจุบัน จากพัฒนาการดังกล่าว แสดงถึงความเป็นไปได้อย่างชัดเจนในการดำเนินธุรกิจของบริษัท ซึ่งก่อให้เกิดการพัฒนาและผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตามภาวะของอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก

โดยพัฒนาการล่าสุดของบริษัท สร้างโอกาสทางธุรกิจให้มีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องและมั่นคง โดยการปรับตัวให้เข้าสู่แนวโน้มเข้าสู่ทิศทางธุรกิจ เพื่อให้มั่นใจได้ว่า บริษัทยังคงสามารถสร้างผลกำไรให้กับธุรกิจได้อย่างยั่งยืน ทั้งนี้บริษัทวางแผนให้ประสบความสำเร็จ ด้วยการออกแบบผลิตภัณฑ์เชิงนวัตกรรมที่ใช้ประโยชน์จากอะลูมิเนียมและเหล็กกล้าแรงดึงสูง (Ultra HTTS) เพื่อให้ได้โครงสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำหนักเบา นอกจากนี้ สายการผลิตแบบอัตโนมัติจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตลดของเสีย และลดต้นทุน ควบคู่กับการลงทุนในโครงการพัฒนาศักยภาพของบุคลากร เพื่อเพิ่มทักษะความสามารถ การมีส่วนร่วม และการสร้างความสัมพันธ์นี้จะส่งผลให้พนักงานรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร และมุ่งมั่นที่จะทำงานให้บรรลุประสิทธิผลอย่างมากขึ้น

บริษัทได้รวบรวมความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจประจำปี 2565 อย่างเห็นได้ชัดเจนว่า รายได้ของกลุ่มบริษัทอยู่ที่ระดับ 4.9 พัน ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนที่จำนวน 2.4 พันล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับรายได้จำนวน 2.6 พันล้านบาท ที่เกิดขึ้นในปี 2564 การเจริญเติบโตที่น่าพอใจครั้งนี้เกิดจากการขยายธุรกิจ โรงงานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ของบริษัท Ingress Technologies Sdn. Bhd. (ITSB) ในประเทศมาเลเซีย ซึ่งส่งผลให้สามารถผลิตปริมาณชิ้นส่วนประกอบยานยนต์เพิ่มขึ้นให้กับลูกค้าแบรนด์ Proton และ Perodua การดำเนินธุรกิจต่อไปข้างหน้าในปี 2566 บริษัทเน้นการสร้างการเจริญเติบโตของรายได้ทางธุรกิจ โดยแรงผลักดันจากการฟื้นตัวของตลาดอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างค่อยเป็นค่อยไป

ผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้นของบริษัทนั้น เกิดจากความเสียสละ ความทุ่มเท และความมุ่งมั่น ตั้งใจของพนักงานอย่างแน่วแน่ ซึ่งสร้างผลลัพธ์ในเชิงบวกอย่างต่อเนื่อง บริษัทขอแสดงความขอบคุณต่อผู้บริหารและพนักงานทุกคนในฐานะครอบครัวเดียวกัน รวมถึงผู้ถือหุ้น พันธมิตรทางธุรกิจ และลูกค้าของบริษัท ที่ยังคงให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาที่ท้าทายนี้ บริษัทมุ่งเน้นการบริหารจัดการธุรกิจต่อไปข้างหน้าด้วยหลักธรรมาภิบาล ความรับผิดชอบต่อสังคม การอ่อนน้อมถ่อมตน และให้ตระหนักถึงความ สําคัญของการสร้างประโยชน์ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเพื่อการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต